กระบวนการให้สินเชื่อชุมชน
1. องค์กรผู้ให้สินเชื่อ
องค์กรผู้ให้สินเชื่อต้องมีคุณสมบัติดังนี้
(1) เป็นเครือข่ายองค์กรชุมชน
(2) มีกิจกรรมการออมทรัพย์หรือร่วมทุนของสมาชิก กิจกรรมการพัฒนาและการบริหารจัดการร่วมกันอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 6 เดือน
(3) มีโครงสร้างการบริหารจัดการภายในองค์กรและกำหนดบุคคลผู้รับผิดชอบชัดเจน รวมถึงมีการบริหารจัดการที่เปิดเผย โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้
(4) มีการจัดโครงสร้างการบริหารจัดการโครงการตามแผนการดำเนินธุรกิจและกำหนดบุคคลผู้รับผิดชอบชัดเจน รวมถึงมีการบริหารจัดการที่ได้รับการยอมรับและมีส่วนร่วมจากสมาชิก
องค์กรผู้ให้สินเชื่อต้องมีคุณสมบัติดังนี้
(1) เป็นเครือข่ายองค์กรชุมชน
(2) มีกิจกรรมการออมทรัพย์หรือร่วมทุนของสมาชิก กิจกรรมการพัฒนาและการบริหารจัดการร่วมกันอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 6 เดือน
(3) มีโครงสร้างการบริหารจัดการภายในองค์กรและกำหนดบุคคลผู้รับผิดชอบชัดเจน รวมถึงมีการบริหารจัดการที่เปิดเผย โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้
(4) มีการจัดโครงสร้างการบริหารจัดการโครงการตามแผนการดำเนินธุรกิจและกำหนดบุคคลผู้รับผิดชอบชัดเจน รวมถึงมีการบริหารจัดการที่ได้รับการยอมรับและมีส่วนร่วมจากสมาชิก
2. การเสนอใช้สินเชื่อ
ให้องค์กรผู้เสนอใช้สินเชื่อนำเสนอโครงการเป็นลายลักษณ์อักษรต่อสถาบันโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของสมาชิก ตั้งแต่การศึกษาสำรวจข้อมูลทางธุรกิจ การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดเวทีให้มีส่วนร่วมในการทำความเข้าใจและตัดสินใจของสมาชิกองค์กร การจัดให้มีการร่วมลงทุนจากสมาชิกและองค์กร การจัดให้มีระบบบริหารจัดการโครงการ รวมถึงการจัดให้มีการร่วมพัฒนาโครงการจากกลไกท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีข้อมูลสำคัญในโครงการที่ต้องนำเสนอดังต่อไปนี้
ให้องค์กรผู้เสนอใช้สินเชื่อนำเสนอโครงการเป็นลายลักษณ์อักษรต่อสถาบันโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของสมาชิก ตั้งแต่การศึกษาสำรวจข้อมูลทางธุรกิจ การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดเวทีให้มีส่วนร่วมในการทำความเข้าใจและตัดสินใจของสมาชิกองค์กร การจัดให้มีการร่วมลงทุนจากสมาชิกและองค์กร การจัดให้มีระบบบริหารจัดการโครงการ รวมถึงการจัดให้มีการร่วมพัฒนาโครงการจากกลไกท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีข้อมูลสำคัญในโครงการที่ต้องนำเสนอดังต่อไปนี้
1.
ข้อมูลพื้นฐานองค์กรผู้เสนอใช้สินเชื่อ
2.
โครงสร้างและระบบการบริหารจัดการขององค์กรผู้เสนอใช้สินเชื่อและของโครงการธุรกิจ
3.
รายละเอียดการลงทุนและแผนการดำเนินการธุรกิจ
4.
แผนและประมาณการทางการเงิน
5.
หลักการจัดสรรประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินงาน
6.
รายงานฐานะการเงินย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี
7.
ข้อคิดเห็นของกลไกท้องถิ่นที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการ
8.
ข้อมูลหรือเอกสารอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาสินเชื่อ
3. การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
1. วัตถุประสงค์และความเป็นไปได้ของโครงการที่เสนอใช้สินเชื่อ
2. ความสามารถในการบริหารจัดการโครงการ
3. คุณสมบัติขององค์กรผู้เสนอใช้สินเชื่อ
4. ความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรผู้เสนอใช้สินเชื่อ
5. ประโยชน์จากการให้สินเชื่อที่เกิดกับการพัฒนาชุมชนและการขยายผลสู่การพัฒนาด้านอื่นๆของชุมชน
6. หลักประกันในการใช้สินเชื่อ
7. กระบวนการพัฒนาโครงการและการมีส่วนร่วม
2. ความสามารถในการบริหารจัดการโครงการ
3. คุณสมบัติขององค์กรผู้เสนอใช้สินเชื่อ
4. ความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรผู้เสนอใช้สินเชื่อ
5. ประโยชน์จากการให้สินเชื่อที่เกิดกับการพัฒนาชุมชนและการขยายผลสู่การพัฒนาด้านอื่นๆของชุมชน
6. หลักประกันในการใช้สินเชื่อ
7. กระบวนการพัฒนาโครงการและการมีส่วนร่วม
4. วงเงินสินเชื่อ
กำหนดวงเงินสินเชื่อไม่เกินร้อยละ
80 ของ มูลค่ารวมการลงทุนโครงการ โดยวงเงินรวมสูงสุดของสินเชื่อต่อโครงการไม่เกิน
30 ล้าน
5. การชำระคืนสินเชื่อ
1.
ให้มีการชำระคืนเป็นงวดหรือชำระคืนเสร็จสิ้นในครั้งเดียว
2. ให้มีระยะเวลาการปลดการชำระคืนเงินต้น
โดยชำระเฉพาะดอกเบี้ยได้เป็นกรณีๆ
3. ระยะเวลาการชำระคืนสูงสุดไม่เกิน 10 ปี
3. ระยะเวลาการชำระคืนสูงสุดไม่เกิน 10 ปี
6. หลักประกันของสินเชื่อ
ให้คณะกรรมการองค์กรผู้สินเชื่อเป็นผู้ค้ำประกันร่วมกันและแทนกันรวมถึงให้มีหลักกันอื่นๆ
ดีงนี้
1. เงินค้ำประกัน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5
ของวงเงินทำสัญญา
2.
อสังหาริมทรัพย์
3.
ให้มีระบบร่วมรับผิดชอบโครงการของกลไกที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการตามข้อตกลงของแต่ละภาค
4.
หลักประกันอื่นๆ ตามดุลพินิจของผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติ
โครงสร้างชุมชน
1. ผู้ใหญ่บ้าน
เป็นผู้นำสูงสุดของชุมชน
ซึ่งจะได้รับคำสั่งและนโยบายมา
จากนายอำเภอ
เพื่อที่จะนำมาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
2. องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
มีหน้าที่ประสานงานกับอบตอื่นเป็นองค์กรที่สำคัญมาก
เพราะได้เข้ามาพัฒนาหมู่บ้าน
3. ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
ทำหน้าที่ประสานงานกับองค์กรต่างๆที่ได้รับมอบหมาย
จากผู้ใหญ่บ้าน
4. กรรมการหมู่บ้าน
จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับนโยบายต่างๆที่ได้ถูกนำเข้ามา
โครงการสินเชื่อ
1
ตำบล 1 SME เกษตรเพื่อสร้างคามยั่งยืนของภาคเกษตรไทย
1. หลักการและเหตุผล
คณะกรรมการธนาคารในคาวประชุม
ครั้งที่ 1/2559 วันที่ 19 มกราคม 2559 ได้เห็นชอบให้ธนาคารปรับปรุงโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย
เป็นโครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SME เกษตร
เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย และอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมจากเดิม 50,000 ล้านบาท เป็น 72,000 ล้านบาท
รวมถึงกำหนดวงเงินกู้ต่อรายสูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท
เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลที่มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากไว้
5 ประการ ดังนี้
1. สนับสนุนให้ชุมชนมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเช่น
โรงสีข้าว ลานตาก ยุ้งฉางชุมชน ศูนย์เครื่องจักรการเกษตร (Machinery Pool) เป็นต้น โดยการสนับสนุนเงินทุนจากภาครัฐผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
2. ให้
ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนเกษตรกรก้าวหน้า
(Smart Farmer) ยกระดับเป็น SME เกษตร
ต้นแบบในทุกตำบล
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภาคเกษตรและการจ้างงานในชุมชน ผ่านโครงการ 1 ตำบล 1 SME เกษตร
3. ขอความร่มมือภาคเอกชนให้การช่วยเหลือด้านการตลาดให้แก่เกษตรกร
โดยการรับซื้อผลผลิตของเกษตรกรที่ได้มาตรฐาน
เพื่อยกระดับการผลิตของเกษตรสู่มาตรฐานสากล
โดยบูรณาการทำงานของทุกภาคส่วนผ่านโครงการตลาดประชารัฐเพื่อชุมชน
4. สนับสนุนให้มีแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละตำบล/อำเภอ เพื่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ
เพราะการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว จะทำให้เศรษฐกิจในชุมชนดีขึ้น ผ่านโครงการ 1
ตำบล/อำเภอ 1 แหล่งท่องเที่ยว
5. สร้างโอกาสให้กับชุมชนในการเข้าถึงการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายความเร็วสูง(Internet
Broadband) เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของชุมชน
และกระตุ้นให้มีการซื้อขายออนไลน์มากยิ่งขึ้น
2. วัตถุประสงค์ของโครงการ
2.1
เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเกษตรที่ดีให้มีความเข้มแข็งและเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากไปสู่ความมั่นคง
มั่นคั่ง และยั่งยืน
2.2เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรปรับตัวเป็นผู้ประกอบการภาคเกษตร
มีความสามารถในการจัดการธุรกิจด้วยตัเองหรือร่วมกลุ่ม
2.3เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร
2.4
เพื่อก่อให้เกิดการจ้างแรงงานในภาคชนบทเพิ่มมากขึ้น
3.วงเงินสินเชื่อโครงการ
จำนวน 72,000 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนของธนาคาร
4.ระยะเวลาดำเนินโครงการ
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 3559 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560
5.1
คุณสมบัติผู้ขอกู้
กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ภาคการเกษตร เกษตรกร
บุคคลธรรมดา
หรือนิติบุคคลวิสาหกิจชุมชนหรือกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองหรือสถาบันการเงินชุมชน
ที่มีคุณสมบัติดังนี้
1. ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SME ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจที่ขอกู้หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องและดำเนินธุรกิจดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 รอบปีบัญชีของธุรกิจนั้นและมีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ดี (มีผลกำไร) รวมถึงมีสถานะการประกอบการอยู่ในประเทศไทยและต้องไม่เป็นการดำเนินธุรกิจที่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม หรือสร้างภาวะมลพิษ หรือสร้างปัญหาให้ชุมชน
1. ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SME ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจที่ขอกู้หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องและดำเนินธุรกิจดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 รอบปีบัญชีของธุรกิจนั้นและมีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ดี (มีผลกำไร) รวมถึงมีสถานะการประกอบการอยู่ในประเทศไทยและต้องไม่เป็นการดำเนินธุรกิจที่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม หรือสร้างภาวะมลพิษ หรือสร้างปัญหาให้ชุมชน
2. เป็นผู้ประกอบธุรกิจหรือกิจการที่มีวัตถุประสงค์เป็นการส่งเสริมการประกอบธุรกิจของเกษตรกรหรือชุมชน
และการพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรหรือชุมชนในกระบวนการผลิต การรวบรวม
การแปรรูป การตลาดและการบริการ
ทั้งนี้ให้รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจหรือกิจการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาตนเองเพื่อเป็นผู้ประกอบการ
SME
เกษตร
3.
เป็นผู้ประกอบอาชีพ
หรือประกอบธุรกิจหรือกิจการภาคเกษตรหรือที่เกี่ยวเนื่องภาคเกษตร
เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย
และมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตใหม่ หรือรักษาสิ่งแวดล้อม
หรือรักษาศิลปวัฒนธรรม หรือพลังงานสะอาด หรือผลิตอาหารปลอดภัย
4.
กรณีเป็นสถาบันการเงินชุมชน
ที่กู้เงินเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในการเป็นทุนให้กู้แก่สมาชิก
เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบผ่านตัวกลางที่เหมาะสมแก่เกษตรกรรายย่อยและยากจน
5.2 วัตถุประสงค์ของการกู้ยืม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนหรือค่าลงทุนในการประกอบธุรกิจภาคเกษตรหรือที่เกี่ยวเนื่องภาคเกษตร
หรืออยู่ในห่วงโซ่มูลค่าเพิ่ม (Value Chain)
ของสินค้าเกษตรหรือที่เกี่ยวเนื่องสินค้าเกษตร หรือที่เป็นลักษณะ OTOP ที่เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการในห่วงโซ่มูลค่าเพิ่ม (Value
Chain) ที่วัตถุประสงค์ในการพัฒนากระบวนการผลิต การรวบรวม การแปรรูป
การตลาดและการบริการ
รวมถึงกระบวนการต่างๆที่มุ่งสู่เกษตรยังยืนในรูปแบบการผลิตใหม่
หรือรักษาสิ่งแวดล้อม หรือรักษาศิลปวัฒนธรรม หรือพลังงานสะอาดหรือผลิตอาหารปลอดภัย
5.3 กำหนดวงเงินกู้
วงเงินกู้รายละไม่เกิน 20 ล้านบาท
5.4 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ตั้งแต่ปีที่ 1-7 คืออัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี และตั้งแต่ปีที่
8 เป็นต้นไป
คิดอัตราดอกเบี้ยตามประเภทของลูกค้าผู้กู้แต่ละรายในอัตรา MRR หรือ MLR แล้วแต่กรณี
5.5 กำหนดระยะเลาชำระหนี้เงินกู้
5.5.1
กรณีขอกู้เงินเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนตามข้อ
กำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ให้แล้วเสร็จไม่เกิน 12 เดือนนับแต่วันกู้
5.5.2
กรณีขอกู้เงินเป็นค่าลงทุนตามข้อกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้เป็นรายเดือนหรือรายไตรมาสหรือราย
6 เดือน หรือรายปี
ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้และที่มาแห่งรายได้ของผู้กู้และกำหนดให้ชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน
10 ปีนับแต่วันกู้
กรณีมีเหตุจำเป็นให้ปลอดการชำระต้นเงินได้ไม่เกิน 3 ปีแรก
5.6 หลักประกันเงินกู้
5.6.1
ให้ใช้หลักประกันหนี้เงินกู้เป็นไปตามข้อบังคับและวิธีปฏิบัติปกติของธนาคารเป็นลำดับแรก
5.6.2.
กรณีมีเหตุอันควรผ่อนผัน
กรณีใช้ที่ดินหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนองเป็นประกัน ให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ
100 ของงเงินจดทะเบียนจำนอง
5.6.3. กรณีใช้บุคคล 2 คนขึ้นไป ค้ำประกันหนี้เงินกู้ ให้กู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท
5.6.4 กรณีใช้บุคคลรับรองผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน
ให้กู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท
5.6.5 ใข้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อตามโครงการได้
สถาบันการเงินรัฐบาล
กระบวนการการให้สินเชื่อรัฐบาล
1. ต้องศึกษาธุรกิจว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนหรือไม่
2. การเลือกกลุ่มเป้าหมาย
3. การรวบรวมข้อมูลของวัตถุประสงค์การในการขอสินเชื่อ
ข้อมูลที่เกี่ยวกับอดีต ปัจจุบันและอนาคต ของธนาคารที่ขอสินเชื่อกับรัฐบาล
4.
การพิจารณาหลักประกัน
โดยจะต้องมีงบทาการเงินของธนาคารนั้นๆในการขออนุมัติโครงการ
5. การวิเคราะห์เพื่อประเมินความเสี่ยง
โดยจะต้องมีการวิเคราะห์ว่าโครงการมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด
มีความเสี่ยงในด้านไหนบ้าง
6. การนำเสนอเครดิต เป็นการแยกแยะความเสี่ยงว่าความเสี่ยงแต่ละด้านมีความเสี่ยงในด้านไหน
และจะต้องหาวิธีป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
ว่าจะต้องรับมือกับความเสี่ยงนั้นๆอย่างไร
7. การจัดให้มีเอกสารประกอบโครงการหรือสินเชื่อ
เป็นการดำเนินเกี่ยวกับกฎหมายที่บังคับใช้อย่างไรบ้าง
8. การดูแล
และทบทวนความเสี่ยงของโครงการหรือสินเชื่อ
เป็นการปล่อยโครงการหรือสินเชื่อให้กับธนาคาร ลูกค้า
จะต้องมีการดูแลและมีการทบทวนความเสี่ยงของโครงการ
โครงสร้าง
รัฐในการจัดการตั้งเเต่กำหนดโครงการหรือกระบวนการต่างๆ ในการออกสินเชื่อผ่านโครงการ
รัฐในการจัดการตั้งเเต่กำหนดโครงการหรือกระบวนการต่างๆ ในการออกสินเชื่อผ่านโครงการ
โครงการ
:
บ้านล้านหลัง
หน่วยงานกำกับดูแล
:
กระทรวงการคลัง
วัตถุประสงค์
:
1. เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด
2. เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร
3. เพื่อปลูกสร้างอาคารบนที่ดินของรัฐ
4. เพื่อซื้ออาคารหรือห้องชุดบนที่ดินของรัฐ
5. เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย พร้อมกับวัตถุประสงค์ซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด
2. เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร
3. เพื่อปลูกสร้างอาคารบนที่ดินของรัฐ
4. เพื่อซื้ออาคารหรือห้องชุดบนที่ดินของรัฐ
5. เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย พร้อมกับวัตถุประสงค์ซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด
คุณสมบัติ
:
ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน
1,000,000 บาทต่อหน่วย
โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์
กลุ่มคนวัยทำงานหรือประชาชนที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ
ระยะเวลาการกู้ยืม
:
ระยะเวลาการกู้
ไม่น้อยกว่า 7 ปี และไม่เกิน 40 ปี
อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี
ดอกเบี้ย/เดือน
:
(1) กรณีรายได้ต่อเดือนต่อคนไม่เกิน 25,000 บาท
ได้รับสิทธิฟรีค่าธรรมเนียม ดังนี้ ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้)
ประเมินราคาหลักประกัน (1,900 - 2,300 บาท)
ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
(1,000 บาทต่อราย)ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)
(2)
กรณีรายได้ต่อเดือนต่อคนเกิน 25,000 บาท ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
จัดเก็บตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น